ค่า EC คืออะไร สำคัญอย่างไร

ค่า EC คืออะไร สำคัญอย่างไร
📌ค่า EC ในดิน
ค่า EC (Electrical Conductivity) หมายถึง ค่าการนำไฟฟ้าของดิน เป็นค่าที่บ่งบอกถึงปริมาณของเกลือที่ละลายน้ำได้ในดิน หรือค่าความเค็มของดินยิ่งค่า EC สูง แสดงว่าดินมีความเค็มสูง
เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของความสมบูรณ์ของดินและส่งผลกระทบต่อผลผลิตของพืช
.
ทำไมค่า EC ในดินจึงสำคัญ?
ค่า EC มีความสำคัญต่อการเกษตรเป็นอย่างมาก เพราะค่านี้จะบอกถึงปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่น
1. ชนิดของพืช
พืชแต่ละชนิดมีความทนทานต่อความเค็มไม่เท่ากัน พืชบางชนิด เช่น ปาล์ม ข้าวโพด สามารถทนต่อความเค็มได้ค่อนข้างสูง ในขณะที่พืชบางชนิด เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ จะมีความทนทานต่อความเค็มได้ต่ำกว่าจึงไม่เหมาะกับดินที่มีค่า EC สูง
2. ระยะการเจริญเติบโต
ในแต่ละระยะการเจริญเติบโตของพืช ความต้องการค่า EC จะแตกต่างกันไป เช่น ในระยะกล้า พืชจะต้องการค่า EC ที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับระยะออกดอกติดผล
3. ชนิดของดิน
ลักษณะของดิน เช่น เนื้อดิน ความหนาแน่น และความสามารถในการอุ้มน้ำ ก็มีผลต่อค่า EC ที่เหมาะสม
4. สภาพแวดล้อม
อุณหภูมิ ความชื้น และปริมาณน้ำฝน ก็มีส่วนทำให้ค่า EC ในดินเปลี่ยนแปลงได้

.
ทำไมค่า EC จึงสำคัญต่อพืช?
– การดูดน้ำและธาตุอาหาร ค่า EC ที่สูงเกินไปจะทำให้พืชดูดน้ำและธาตุอาหารได้ยากขึ้น ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตช้า ใบเหลือง และอาจตายได้
– ธาตุอาหาร ค่า EC ที่สูงอาจทำให้เกิดภาวะเกลือสะสม ทำให้ธาตุอาหารบางชนิดขาดแคลน หรือมีมากเกินไป ส่งผลต่อดินและการเจริญเติบโตของพืช
– โครงสร้างดิน ค่า EC ที่สูงอาจทำให้โครงสร้างดินเสียหาย ทำให้ดินแข็งตัวและระบายน้ำได้ไม่ดี
.

ค่า EC คืออะไร สำคัญอย่างไร การวัดค่า EC เป็นการวัดปริมาณไอออนของเกลือที่ละลายน้ำได้ที่มีอยู่ในดินทั้งหมด และในธาตุอาหารหลักจะมีส่วนประกอบของเกลือเป็นหลัก ทำให้สามารภใช้การวัดค่า EC ในปุ๋ยได้ว่ามีความเข้มข้นมากน้อยแค่ไหน
ถึงจะไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นธาตุอาหารตัวไหนมากกว่ากัน แต่ก็เป็นการดูภาพรวมความเข้มข้นได้ เพราะแบบนี้เวลาเกษตรกรที่ใส่ปุ๋ยมากเกินไปจึงทำให้เกิดดินเค็มได้
.
📌ค่า EC ในปุ๋ย
ค่า EC ย่อมาจาก Electrical Conductivity หรือค่าการนำไฟฟ้า เป็นตัวชี้วัดปริมาณเกลือหรือธาตุอาหารที่ละลายน้ำได้ในปุ๋ย ยิ่งค่า EC สูง แสดงว่าปุ๋ยมีความเข้มข้นของเกลือสูง หรือมีปริมาณธาตุอาหารละลายน้ำได้จำนวนมาก
.
ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่า EC ในปุ๋ย
1. ชนิดของปุ๋ย
– ปุ๋ยเคมี โดยทั่วไป ปุ๋ยเคมีจะมีค่า EC สูงกว่าปุ๋ยอินทรีย์ เนื่องจากปุ๋ยเคมีมีธาตุอาหารในรูปของเกลือที่ละลายน้ำได้ดี
– ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก มักมีค่า EC ต่ำกว่า เนื่องจากธาตุอาหารในปุ๋ยอินทรีย์จะค่อยๆ ปลดปล่อยออกมา และมักอยู่ในรูปที่พืชดูดซึมได้ง่าย
2. ความเข้มข้นของปุ๋ย
– ปริมาณธาตุอาหาร ยิ่งปุ๋ยมีปริมาณธาตุอาหารสูง ค่า EC ก็จะสูงตามไปด้วย
– อัตราส่วนของธาตุอาหาร อัตราส่วนของธาตุอาหารหลัก (N, P, K) ที่แตกต่างกันก็ส่งผลต่อค่า EC เช่นกัน
3. ธาตุอาหารที่ประกอบอยู่ในปุ๋ย
– ธาตุโซเดียมและคลอไรด์ ธาตุเหล่านี้เมื่อละลายน้ำแล้วจะทำให้ค่า EC เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
– ธาตุอาหารอื่น ๆ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ก็มีส่วนทำให้ค่า EC เพิ่มขึ้นได้
4. กระบวนการผลิตปุ๋ย
– การผสม วิธีการผสมปุ๋ยแต่ละชนิดจะส่งผลต่อความสม่ำเสมอของค่า EC
– การบด ขนาดอนุภาคของปุ๋ยที่ละเอียดขึ้นจะทำให้ธาตุอาหารละลายน้ำได้เร็วขึ้น ส่งผลให้ค่า EC เพิ่มขึ้น
5. น้ำที่ใช้ละลายปุ๋ย
– คุณภาพของน้ำ น้ำที่มีความแข็ง หรือมีปริมาณเกลือสูง จะทำให้ค่า EC ของปุ๋ยที่ละลายแล้วสูงขึ้น
6. อุณหภูมิ
– อุณหภูมิที่สูงขึ้น จะทำให้ธาตุอาหารละลายน้ำได้เร็วขึ้น ส่งผลให้ค่า EC เพิ่มขึ้น