4 วิธี ‘ตรวจวิเคราะห์ดิน’ เพื่อลดต้นทุนการใช้ปุ๋ย

ตรวจวิเคราะห์ดิน

การ ตรวจวิเคราะห์ดิน เพื่อลดต้นทุน

 

ยังคงอยู่กับเคล็ดลับการแก้ไขปัญหาราคาปุ๋ยที่สูงขึ้นในปัจจุบัน ที่เกษตรกรสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เป็นวิธีที่เกษตรทุกคนควรมีความรู้ ความเข้าใจ เพราะเป็นวิธีที่ง่ายและยั่งยืน สามารถช่วยลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยรวมถึงต้นทุนในด้านต่าง ๆ ของการเพาะปลูกได้ ทั้งต้นทุนแรงงาน การเลือกชนิดพันธุ์พืชให้เหมาะสม

 

ซึ่งวิธีนั้นคือการ ตรวจวิเคราะห์ดิน ก่อนทำการเพาะปลูก หรือหลังเพาะปลูกสักระยะนึง เปรียบเสมือนเป็นการทำความเข้าใจดินที่อยู่ในพื้นที่เพาะปลูกของเรา ว่าเหมาะสมกับพืชอะไร มีสภาพเป็นอย่างไร พร้อมเพาะปลูกหรือไม่ รวมถึงขาดธาตุอาหารใดบ้าง

 

การตรวจวิเคราะห์ดินและทำการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ มีด้วยกัน 4 ขั้นตอน คือ

  1. เก็บตัวอย่างดิน

การเก็บตัวอย่างดินต้องเก็บตัวอย่างให้ถูกหลักตามการวิธี คือ

  • พื้นที่ยังไม่มีการปลูกพืช ให้เดินสุ่มเก็บตัวอย่างดินให้ทั่วแปลงในแต่ละแปลง แปลงละประมาณ 15 จุด
  • กรณีที่มีการเพาะปลูกแล้ว ให้เก็บดินภายในทรงพุ่มต้นละจุด ประมาณ 15 ต้น ในแต่ละแปลง
  • หลังเก็บ ให้คลุกเคล้าดินแต่ละที่เก็บมาให้เข้ากันแล้วเทลงบนผ้าพลาสติก ทำการคลุกเคล้าอีกครั้ง
  • หลังจากนั้นกองดินให้เป็นรูปฝาชี แล้วใช้มือตบยอดกองให้แบนราบ หลังจากนั้นใช้นิ้วมือขีดเป็นกากบาด (+) บนยอดกอง ให้ดินถูกแบ่งแยกเป็น 4 ส่วน
  • เก็บตัวอย่างจากกองดินนี้เพียง 1 ส่วน ให้ได้ดินหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม ใส่ดินลงในถุงพลาสติกที่เตรียมไว้เพื่อส่งวิเคราะห์

จากนั้นเขียนป้ายเบอร์แปลง พร้อมรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวอย่างดิน ผูกติดไว้กับถุงตัวอย่างดิน

  1. ส่งวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ กับกรมพัฒนาที่ดิน

สามารถนำไปส่งด้วยตัวเอง หรือส่งผ่านไปรษณีย์ก็ได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • เข้าไปที่เว็บไซต์ https://osdldd.go.th/osdlab/register.php ของกรมพัฒนาที่ดิน
  • ทำตามขั้นตอนการกรอกข้อมูลในส่วนต่าง ๆ ให้ถูกต้องและครบถ้วน
  • เลือกรายการที่ต้องการการวิเคราะห์ (รายการวิเคราะห์ที่ให้บริการเกษตรกรฟรีโดยจะขึ้นกับห้องปฎิบัติ) ซึ่งมีรายการดังนี้
    • ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน (soil pH)
    • ความต้องการปูนเพื่อแก้ความเป็นกรด (lime requirement : LR)
    • การนำไฟฟ้าของดิน (EC) 1 : 5 ค่าความเค็มของดิน
    • อินทรียวัตถุ (organic matter) OM
    • ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ต่อพืชในดิน (available phosphorus) P
    • โพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ต่อพืชในดิน (available potassium) K
    • แคลเซียมที่สกัดได้ในดิน (extractable calcium) Ca
    • แมกนีเซียมที่สกัดได้ในดิน (extractable magnesium) Mg
    • เนื้อดิน แยกอนุภาคทราย (sand) อนุภาคทรายแป้ง (silt) และอนุภาคดินเหนียว (clay)
  • กรอกข้อมูลผู้จัดส่ง เลือกที่อยู่ของแปลงจากแผนที่ เลือกรายละเอียดการเพาะปลูก
  • รอรับผลวิเคราะห์ภายใน 60 วัน
  1. นำผลที่ได้มาวิเคราะห์

ว่า ดินที่เราใช้ในการเพาะปลูก มีสภาพเป็นอย่างไร ขาดธาตุอาหารใดบ้าง เหมาะสมกับการปลูกพืชชนิดใด รวมทั้ง วางแผนในการปลูกระยะยาว

  1. ใช้ปุ๋ยหรือสารปรับปรุงดินตามคำแนะนำ

โดยที่เราสามารถ นำข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์แล้วว่า หากต้องการปลูกพืชชนิดไหน แล้วต้องการธาตุอาหารใดเพิ่มบ้าง สามารถสืบค้นข้อมูลจากการเอกสารของกรมวิชาการเกษตร หรือนักส่งเสริมการเกษตรได้ เพื่อปรับปรุงแก้ไขสภาพของดินให้เหมาะสมกับการปลูกพืชมากที่สุด

 

การ ตรวจวิเคราะห์ดิน อาจใช้เวลาและค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง แต่ถ้าหากเรารู้ข้อมูลของดินที่ทำการเพาะปลูก นำมาวิเคราะห์ และจัดการได้อย่างเหมาะสมแล้ว จะเป็นการลดต้นทุนการปลูก และสามารถช่วยให้เราทำเกษตรกรรมอย่างยั่งยืนได้

___________________________________________________________________________________________________________

เรามีบริการให้คำปรึกษา ด้านการออกแบบปุ๋ย ด้านการผลิตปุ๋ย ตามสูตรและปริมาณที่ลูกค้าต้องการ รวมทั้งช่วยออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมต่อความต้องการของลูกค้า เพื่อให้เหมาะสมกับการทำการตลาดที่ลูกค้าต้องการ ผ่านทางช้่องทางออนไลน์

 

ติดต่อสอบถาม การผลิตปุ๋ย เพิ่มเติมได้ที่
​Line@ : @organic.design Line
โทร. 0876208888
Facebook

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *